ก่อนอื่นเลยเรามารู้จักผักอินทรีย์หรือผักออแกนิคกันดีกว่าค่ะ
เพราะหลาย ๆ คนอาจสงสัยว่า ผักอินทรีย์คืออะไร แล้วต่างกับผักปลอดสารหรือไม่? ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจชวนให้หลายคนสับสนได้
เพราะคำว่า “ปลอด” ในภาษาไทยหมายถึง “ปราศจาก” ดังนั้นถ้าเรารับประทานผักปลอดสารแล้วแปลว่าเรารับประทานผักที่ไม่มีสารเคมีอยู่เลยใช่หรือเปล่า
อันที่จริงแล้ว
ผักปลอดสาร หมายถึง ผักที่ไม่มีสารพิษตกค้าง
เป็นผักที่ยังคงมีการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมีอยู่
แต่ผลผลิตที่ได้ต้องไม่มีสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานที่กำหนดโดยกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในทางปฏิบัติจะมีการเว้นระยะที่จะไม่ใช้สารเคมีก่อนการเก็บเกี่ยวตามจำนวนวันที่กำหนด
เช่น 7 วัน 15 วัน เป็นต้น ผักปลอดสารจึงยังมีสารเคมีตกค้างอยู่
ส่วนผักอินทรีย์เป็นผักที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบอินทรีย์ที่จะให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของดิน
ระบบนิเวศ และผู้คน ดังนั้นในการปลูกผักอินทรีย์จะไม่มีการใช้สารเคมีไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีป้องกันโรคพืช
สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชตลอดกระบวนการผลิต
บริเวณพื้นที่ปลูกมีแนวป้องกันโดยรอบเพื่อป้องกันสารเคมีที่อาจลอยมาตามลมจากแหล่งอื่น
ๆ เป็นต้น ผักอินทรีย์จึงมีความปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมากกว่าผักปลอดสาร
ผักอินทรีย์หาซื้อได้ที่ไหน?
เราสามารถหาผักอินทรีย์รับประทานได้จากหลากหลายแหล่ง
ได้แก่
- ห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ต
- ร้านสุขภาพหรือร้านกรีน
ปัจจุบันมีร้านสินค้าสุขภาพแบบร้านสะดวกซื้อหลายๆ
แห่ง เช่น โกลเด้นเพลซ ร้านโครงการหลวง
ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริ และร้านค้าอื่น ๆ เช่น ร้านเลมอนฟาร์ม สหกรณ์กรีนเน็ท
ร้านโดยเฉพาะ บ้านคัดสรร เป็นต้น
ซึ่งกำลังขยายตัวมากขึ้นและกระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ถ้าท่านใดมีร้านสุขภาพอยู่ใกล้ๆ
ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สะดวกไม่แพ้ห้างสรรพสินค้าเลยค่ะ
- ตลาดนัดสีเขียวสัญจร
เป็นตลาดนัดที่กลุ่มผู้ผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพได้รวมตัวกันไปออกตลาดนัดตามพื้นที่ตามสำนักงาน
แหล่งชุมชน ย่านการค้า ซึ่งมีสินค้าให้เลือกหลากหลายและทำให้ผู้บริโภคได้พบปะพูดคุยกับผู้ผลิตโดยตรง
แต่ความถี่ในการมาออกตลาดนัดในแต่ละพื้นที่อาจจะเป็นเดือนละครั้งหรือสองครั้ง
สัปดาห์ละครั้ง เป็นต้น
- การเป็นสมาชิกรับผลผลิตล่วงหน้า
เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการรับผลผลิตประเภทผักอินทรีย์เป็นหลัก
ซึ่งผู้บริโภครับผลผลิตโดยตรงจากเกษตรกร หรือที่เรียกว่าระบบ CSA
(Community Supported Agriculture หรือระบบเกษตรกรรมที่เกื้อกูลโดยชุมชน) ในระบบ CSA
นี้
ผู้บริโภคจะรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรล่วงหน้า (โดยจ่ายเงินล่วงหน้า เช่น 3 เดือน 6
เดือน เป็นต้น) เกษตรกรจะวางแผนการผลิตและปันส่วนผลผลิตส่งถึงบ้านให้กับผู้บริโภคเป็นรายสัปดาห์
ระบบ CSA
นี้อาจเป็นระบบที่เกษตรกรส่งผลผลิตให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง
หรือมีกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นแกนนำหรือผู้ประสานงานเช่น อาสาสมัคร หรือองค์กร เป็นตัวกลางในการเคลื่อนย้ายผลผลิตจากแปลงเกษตรกรส่งถึงบ้านของผู้บริโภคก็ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละกลุ่มแต่ละพื้นที่
ตัวอย่างกลุ่ม
CSA ในประเทศไทย (เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล)
1. โครงการผักประสานใจ : ผู้ผลิตเพื่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม
ประสานงานโดย คุณระวีวรรณ ศรีทอง เป็นโครงการที่ดำเนินงานโดยเกษตรกรบ้านป่าคู้ล่าง
อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งรวมกลุ่มกันปลูกผักอินทรีย์ส่งตรงถึงบ้านให้กับผู้บริโภคในจังหวัดกรุงเทพมหานคร
2. ตะกร้าปันผัก
ดำเนินงานโดย ป้าหน่อย ร้านเฮลท์มี (Health
me)
ที่ซอยราษฎร์บูรณะ 30 โดยรวบรวมผักจากเกษตรกรกลุ่มต่าง ๆ เช่น มูลนิธิเอ็มโอเอ
จังหวัดนครราชสีมา, กลุ่มเกษตรอินทรีย์อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา,
สวนผักสลันดาฟาร์ม จังหวัดนครปฐม, เกษตรกรที่ทำสวนผลไม้อินทรีย์ เป็นต้น เพื่อจัดส่งให้กับผู้บริโภคในจังหวัดกรุงเทพมหานคร
(ส่งถึงบ้าน)
3. กรีนพลัส
กรีนแคเทอริ่ง ดำเนินงานโดย คุณน้อย ที่รวบรวมผักจากกลุ่มเกษตรกร ตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ
จังหวัดปทุมธานี ส่งถึงบ้านผู้บริโภคในจังหวัดปทุมธานีและกรุงเทพฯ โซนใกล้เคียง เช่น รังสิต เป็นต้น
4. บ้านผักกูด
ดำเนินงานโดย คุณจิ๊บ ที่รวบรวมผักจากกลุ่มเกษตรกรในอำเภอบางกรวยและอำเภอไทรน้อย
จังหวัดนนทบุรี ส่งถึงบ้านให้กับผู้บริโภคในจังหวัดนนทบุรีและโซนใกล้เคียง เช่น พุทธมณฑล
เป็นต้น
Website : www.pakgoodhome.com
ประโยชน์ของระบบ
CSA
1. ผู้บริโภคได้รับประทานผักอินทรีย์สด ๆ ที่มาจากแปลงของเกษตรกรโดยตรง
รู้ว่าใครปลูกผักให้เรา สามารถตรวจสอบได้
2. ผู้บริโภคได้ช่วยสนับสนุนเกษตรกรอินทรีย์
โดยทำให้เกษตรกรมีตลาดรองรับผลผลิตที่ตนเองปลูก
3. เกษตรกรสามารถวางแผนผลิตได้ล่วงหน้า
เนื่องจากทราบปริมาณผลผลิตที่ต้องการก่อนล่วงหน้า
4. ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตได้ร่วมกันส่งเสริมการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ซึ่งทำให้เกิดความยั่งยืนของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม
จากประโยชน์ของระบบ
CSA จึงทำให้ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจการรับผักอินทรีย์
ส่งถึงบ้านผ่านระบบสมาชิก CSA มากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้บริโภคแต่ละท่านด้วย
เพราะบางท่านอาจไม่ได้ประกอบอาหารเป็นประจำ
การรับผักอินทรีย์ส่งถึงบ้านทุกสัปดาห์จึงอาจไม่สะดวก
หรือบางท่านชอบที่จะเลือกผักที่ต้องการรับประทานเองมากกว่า ซึ่งระบบ CSA ส่วนใหญ่ผู้บริโภคไม่สามารถเลือกผักที่ต้องการในแต่ละสัปดาห์ได้
(ผู้จัดผักจะจัดผักให้ตามฤดูกาลและตามผลผลิตที่เกษตรกรผลิตได้ แต่อย่างไรก็ตามโดยมากแล้วมักจะเป็นผักที่เรารับประทานได้และรับประทานกันเป็นประจำ
เช่น ผักบุ้ง คะน้า เป็นต้น และมีการคละผักชนิดต่าง ๆ ให้หลากหลาย) ดังนั้นการได้เลือกซื้อเองจากห้างหรือร้านกรีนจึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภคที่ไม่สะดวกจะรับผักอินทรีย์ส่งถึงบ้านผ่านระบบ
CSA